วันพฤหัสบดีที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2552
วันพฤหัสบดีที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2552
มื้อเย็นเป็นมื้ออันตราย เป็นมื้อตายผ่อนส่ง
ทำอย่างไรจึงจะไม่แก่ และอายุยืน
คำตอบคือ กินสายกลาง
กินสายกลาง คือ กินมื้อเช้าและมื้อเที่ยง + งดมื้อเย็น
เปรียบตัวเราเป็นรถยนต์ ตื่นเช้ามาต้องเติมน้ำมันก่อน หรือกินมื้อเช้า รถจึงจะวิ่งได้ ถึงเที่ยงน้ำมันยังไม่หมด เติมอีกครั้ง ถึงเย็นก่อนนอนก็ยังไม่หมดพิสูจน์ได้ดังนี้
สมมุติกินไข่ลวก 1 ฟองโตๆ มีไข่แดงหนัก 50 กรัม ในไข่แดงมีคลอเลสเตอรอล 1 กรัม ให้พลังงาน 9 แคลอรี่ ฉะนั้น 50 กรัม ให้พลังงาน 450 แคลอรี่ จะต้องออกกำลังกายเพื่อใช้พลังงานนี้ โดยขี่จักรยานตั้งแรงต้านไว้ 1.3 ก.ก.. ความเร็วที่ปั่นบันไดจักรยาน 60 รอบต่อนาที ขี่อยู่นาน60 นาที จะเหนื่อยหอบ เหงื่อไหลท่วมตัว แต่ใช้พลังงานไปเพียง 300 แคลอรี่ ไข่ใบเดียวใช้ไม่หมด
ฉะนั้นถ้ากินมื้อเช้า มื้อเที่ยง จนถึงเย็น พลังงานยังเหลือแน่นอน ไม่จำเป็นต้องไปเติมอีก เพราะเวลานอนร่างกายจะนำพลังงานที่เหลือใช้ไปเก็บในที่ต่างๆ โดย ตับเป็นผู้ทำงานนี้ ถ้าพลังงานเหลือมาก การเอาไปเก็บในที่ต่างๆ ก็มากทำให้อ้วน และแน่นอนถ้าเก็บไม่หมด โดยเฉพาะพวกไขมันตัวโตๆ จะต้องค้างอยู่ในหลอดเลือด ถ้าค้างสะสมมากเท่าใด รูหลอดเลือดก็จะเล็กลงทุกวัน เลือดไปเลี้ยงอวัยวะต่างๆ ได้น้อยลง อวัยวะทั้งหลายก็จะเสื่อมสภาพเร็วขึ้นหรือแก่เร็วขึ้น ถ้าวันไหนอุดตัน เช่น ถ้าตันที่สมอง จะกลายเป็นคนพิการอัมพาตครึ่งซีก ถ้าอุดตันที่ไต ต้องล้างไต เปลี่ยนไต ถ้าตันที่ขา อาจต้องตัดขาทิ้ง ถ้าตันที่กล้ามเนื้อหัวใจ ก็จะไม่มีโอกาสได้สั่งลาใคร
การกินมื้อเย็นจึงเป็นมื้อที่เร่งกระบวนการเสื่อมถึงเสียชีวิต ให้เร็วขึ้นไปอีก มื้อเย็นจึงเป็นมื้ออันตราย เป็นมื้อตายผ่อนส่ง ยิ่งกินมื้อเย็นมาก ยิ่งผ่อนส่งมาก ตายเร็ว ถ้าไม่กินมื้อเย็น ก็จะแก่ช้า เสื่อมช้า อายุยืน
การไม่กินอาหารมื้อเย็น เป็นเรื่องที่ต้องเอาชนะใจตัวเองอย่างมากถ้าใครทำได้จะตัดทั้งกิเลส สุขภาพดี อายุยืน และมีสมาธิดี ความมุ่งมั่นสูง ได้ประโยชน์ทั้งกายและใจ แต่ท่านต้องฝึกกระเพาะให้เกิดความเคยชิน
วิธีฝึกมี 4 วิธี
1. ค่อยๆ ลดปริมาณอาหารมื้อเย็นทีละน้อยๆ เช่นลดกินข้าวจาก 2 จาน เหลือ1 1/2 จาน สัก 3-4 เดือน โดยมีข้อแม้ว่าหลังอาหารเย็น แล้ว ห้ามกินอาหารใดๆ ทั้งนั้นยกเว้นน้ำเปล่า พอกระเพาะชินแล้วลดเหลือ 1 จาน ต่อไปครึ่งจาน ต่อไปไม่กินข้าวเลยกินแต่กับ ต่อไปกินผักผลไม้ สุดท้ายงดอาหารเย็น
2. ร่นเวลากินอาหารเย็น เช่นจาก 2 ทุ่มมากิน 1 ทุ่ม ต่อไปเลื่อนเป็น 6 โมงเย็น 5 โมงเย็น 4 โมงเย็น สุดท้ายงดอาหารเย็น
3. กินเม็ดแมงลักแทนมื้อเย็น ใช้เม็ดแมงลัก 2 ช้อนโต๊ะใส่ในถ้วยน้ำแกงหรือน้ำเปล่าคนแล้วดื่มทันที ดื่มน้ำตามอีก 4-5 แก้ว
4. กินมังสะวิรัตมื้อเย็น การกินผักผลไม้ถือว่าเป็นอาหารไม่มีพิษ ร่างกายจะได้พักไม่ต้องทำลายพิษของอาหารเนื้อสัตว์ พิษที่สะสมไว้ก่อนก็จะถูกตับ ไต กำจัดหมดไปเองได้ ร่างกายมีเวลาถึง 18 ช.ม. กำจัดพิษที่ติดมากับมื้อเช้า มื้อเที่ยงได้ทัน
ฉะนั้นการไม่กินอาหารเย็น จึงเป็นเวลาที่ตับ ไต จะสามารถกำจัดสารพิษจากอาหารมื้อเช้าและเที่ยงได้หมด ร่างกายจึงบริสุทธิ์ทุกวัน
สาวE-Girlsหน้าใส"ภิญญาพัชญ์" ออมเงิน...คือการฝึกวินัยให้ตนเอง
| |||
การลงทุนในตลาดหุ้นทุกวันนี้ มีความเสี่ยงจากราคาหุ้นที่ผันผวน เดี๋ยวขึ้นเดี๋ยวลง นักลงทุนจึงไม่ควรนำเงินออมทั้งหมดมาลงทุนในหุ้น แต่ต้องมีการแบ่งเงินออมเป็นส่วนๆในเงินฝาก หรือตราสารการเงินอื่นๆที่มีความเสี่ยงต่ำ โดยทั่วไปแล้วการแบ่งสัดส่วนเงินมาลงทุนในหุ้นจะแปรผกผันกับอายุของผู้ลงทุน อายุยังน้อยๆก็เล่นหุ้นได้มาก รับความเสี่ยงได้มากกว่า เนื่องจากถ้าขาดทุนในบางช่วงตามความผกผันของตลาดหุ้น ก็ยังมีโอกาสรอให้หุ้นดีขึ้นในอนาคต หรือหากขาดทุนเพราะเลือกหุ้นไม่ดี ก็ยังมีโอกาสทำงานหาเงินได้ แต่ถ้าอายุมากแล้วก็ควรเล่นหุ้นน้อยๆ เพราะเวลาที่เหลือในการแก้ตัวหากเกิดการขาดทุนก็จะน้อยลงตามอายุที่เหลือ อยู่...
“คอลัมน์เจาะพอร์ตคนดัง” วันนี้ขอพามาดูการบริหารเงินออมในแบบฉบับของ "น้องแก้ม-ภิญญาพัชญ์ ด่านอุตรา" สาวมาดขรึมนักกฎหมาย จากรั้วจามจุรีที่ติด 1 ใน 8 จากการประกวด K-group E-Girls เจนเนอเรชั่นที่ 4 มานำเสนอให้คุณผู้อ่านได้รับทราบกัน ว่าเธอมีมุมมองการลงทุนเป็นอย่างไรกันบ้างและเธอมีแนวทางการวางแผนการดำเนิน ชีวิตในอนาคตอย่างไรด้วย
"น้องแก้ม"เล่าว่า จากการประกวดสาว K-group E-Girls เมื่อช่วง 2 ปีที่ผ่านมานั้น ได้ติด 1 ใน 8 ซึ่งทำให้ได้เงินรางวัลมาทั้งสิ้น 1.5 ล้านบาท แต่ไม่ได้รับมาเป็นก้อนเลยทีเดียว โดยในช่วงแรกตอนเซ็นสัญญาทางธนาคารกสิกรไทยจะให้เงินมาจำนวน 240,000 บาท และที่เหลือจะให้เป็นเดือน ๆ ละ 30,000 บาท ตลอดระยะเวลา 2 ปีที่ปฎิบัติภาระกิจให้กับทางธนาคาร และในกำลังจะหมดสัญญาลงในสิ้นเดือนพฤษภาคม นี้ และจะมีสาว K-group E-Girls รุ่นที่ 5 เข้ามาทำงานแทน ทั้งนี้ จากเงินรางวัลที่ได้จากการประกวดถือว่าเยอะมากสำหรับเด็กที่เพิ่งจบการศึกษา ใหม่ ทำให้เราได้มีการฝึกฝนในเรื่องของการออมเงินและการลงทุนไปในตัวด้วย
“ประโยชน์ ของการออมเงินนั้นเป็นการฝึกวินัยให้กับตัวเอง เพราะการใช้จ่ายที่ตามใจตัวเองนั้นมันจะทำให้เราไม่สามารถบังคับตัวเองได้ ซึ่งมันจะส่งผลต่อแนวโน้มในอนาคตว่าเราจะไม่มีเงินเก็บไว้ใช้ในยามจำเป็นเลย ดังนั้น เราควรฝึกตัวเองให้มีการจัดเก็บเงินในแต่ละเดือนเป็นระบบมากขึ้น มันจะเป็นการวางแผนที่ดีต่ออนาคต เนื่องจากวันข้างหน้า เป็นสิ่งไม่แน่นอน เพราะเราอาจจะต้องมีการใช้จ่ายในยามฉุกเฉินก็เป็นได้” แก้มบอก
"แก้ม" บอกอีกว่า การประกวดครั้งนี้ไม่ใช่เป็นรายได้แรกของแก้ม ซึ่งรายได้แรกที่แก้มสามารถหามาได้ด้วยตนเองนั้นเป็นช่วงปิดเทอมตอนเรียน อยู่ปี 2 ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นโครงการเวิร์ลแอนด์เทรเวล นักเรียนแลกเปลี่ยนที่จะไปอยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยเราได้มีโอกาสเข้าไปทำงานในร้านค้าต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร หรือร้านกิ๊ฟชอบบ้าง ซึ่งในขณะ นั้นทำได้ประมาณ 2 เดือนตกเดือนหนึ่งมีรายได้ประมาณเดือนละ 70,000 บาท รวมแล้วได้มาประมาณแสนกว่าบาท พอต้องบินกลับมากรุงเทพฯ เราก็นำเงินที่ได้มาให้กับคุณพ่อคุณแม่ทุกบาททุกสตางค์
กับการทำงานครั้งแรก"แก้ม"บอกว่า รู้สึกดีใจมาก เพราะเราได้ประสบการณ์ในหลาย ๆ ด้าน ได้รู้จักการทำงานกับต่างชาติว่าเป็นอย่างไร ได้เรียนรู้การทำงานในต่างแดน รวมถึงได้ไปเปิดโลกทัศน์สิ่งใหม่ ๆ ให้กับตัวเองว่าต่างประเทศเขามีอะไรที่แตกต่างจากประเทศไทยอย่างไรด้วย ซึ่งถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีมาก
ส่วนงานด้านประชาสัมพันธ์พิเศษของธนาคารกสิกรไทยนั้นแก้ม บอกว่า “การ ปฏิบัติหน้าที่ในช่วงที่ผ่านมา สอนเให้รู้จักการวางตัวและรักษาภาพลักษณ์ ไม่ใช่แค่เพื่อให้ตัวเองดูดี แต่เพราะการมีบทบาทเป็นตัวแทนขององค์กร ที่ฝึกให้มีบุคลิกที่ดีจนเคยชินด้วย นอกจากนี้แล้วยังได้ในเรื่องของข่าวสารด้านการลงทุนต่าง ๆ ซึ่งก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีที่เราจะได้ความรู้เสริมในสิ่งที่เราไม่รู้”
ขณะนี้แก้มจบการศึกษาแล้วจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คณะนิติศาสตร์ และกำลังจะไปศึกษาต่อด้านกฎหมายที่คอแนน สหรัฐอเมริกา โดยแก้มได้รับทุนจากสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) เพื่อศึกษาต่อในสาขาด้านกฎหมายระหว่างประเทศ ก่อนกลับมาทำงานในตำแหน่งนักวิชาการ ที่กระทรวงคมนาคม
สุดท้าย"แก้ม"ฝากบอกว่า จาก สภาวะเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ถือว่าค่อนข้างหนัก เพราะโดนกระทบกันถ้วนหน้าแบบเป็นลูกโซ่ ทำให้ภาคธุรกิจต้องชะงัก หรือบางแห่งอาจจะต้องปิดตัวหรือปลดพนักงานออกก็มี เนื่องจากกำลังการผลิตในการส่งออกปรับตัวลดลงเป็นอย่างมาก ดังนั้น สิ่งที่จะทำได้ในขณะนี้คือการติดต่อข่าวสารต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำเพื่อที่จะได้นำมาปรับใช้ในชีวิตเราและเพื่อเป็น ป้องกันและระมัดระวังกับการใช้จ่ายมากยิ่งขึ้น
///////////////////////////////////////////////////////////////////////
ชื่อ – นามสกุล ภิญญาพัชญ์ ด่านอุตรา (แก้ม)
วันเดือนปีเกิด 8 มีนาคม 2528
การศึกษา ปริญญาตรี คณะนิติศาสตร์
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
งานปัจจุบัน K – Group e-girl ธนาคารกสิกรไทย
(เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์พิเศษ)
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ | 22 พฤษภาคม 2552 02:32 น. |
วันอังคารที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2552
Funny Quote of the Day
ผู้ติดตาม
คลังบทความของบล็อก
-
►
2011
(61)
- ► กุมภาพันธ์ (4)